ชีวิตพลิกผัน เอแดร์จากฮีโร่ โปรตุเกส เปลี่ยนภาวะลำแข้งไม่มีสังกัด

ชีวิตพลิกผัน

ชีวิตพลิกผัน เมื่อตอนซัมเมอร์ปี 2016 เอแดร์คือฮีโร่ ของชาวโปรตุกีส เมื่อเขาสวมบทซูเปอร์ดูดซับลงในสนามเป็นตัวสำรอง

ชีวิตพลิกผัน เมื่อตอนซัมเมอร์ปี 2016 เอแดร์คือฮีโร่ของชาวโปรตุกีส เมื่อเขาสวมบทซูเปอร์ดูดซับลงในสนามเป็นตัวสำรองกับซัดประตูโทนนำ โปรตุเกสชนะ ฝรั่งเศส ในช่วงทดเวลา ครองแชมป์ยูโร 2016 ไปถือครองอย่างมากใหญ่

ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีก่อน เอแดร์ที่ปัจจุบันนี้ อายุ 33 ปี ถูกส่งลงสู่สนามมาแทน เรนาโต้ ซานเชซ ในตอนช่วงหลัง ในแมตช์ที่จำต้องสู้กันกินเวลาอีก 30 นาที ที่สนามสต๊าด เดอ ฟร้องซ์ ข้างหลังเท่ากันแบบไม่มีสกอร์ในช่วงเวลาธรรมดา

นอกเหนือจากนั้นกองทัพ “ฝอยทอง” จำต้องกำเนิดอาการระส่ำด้วยเหตุว่า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สตาร์ประจำทีมถูกสลับตัวออกด้วยเหตุว่ามีปัญหาเจ็บ เวลานี้ โปรตุเกสอยากวีรบุรุษเพื่อมาช่วยกอบกู้การบรรลุเป้าหมายให้ประเทศชาติ

ในเวลานั้นไม่มีผู้ใดคาดหมายว่าเอแดร์ จะเป็นยอดเยี่ยมซูเปอร์ดูดซึมเนื่องจากเขาแปลงเป็นฮีโร่ของคนทั้งประเทศเมื่อตะบันประตูในนาทีที่ 109 ส่งให้โปรตุเกส ขึ้นนำรวมทั้งพวกเขาสามารถรักษาสกอร์ดังที่กล่าวถึงมาแล้ว

จนกระทั่งสิ้นเสียงนกหวีดยาวของตุลาการสนาม อย่างไรก็ตาม 5 ปีที่ผ่านมา เอแดร์เปลี่ยนเป็นนักฟุตบอลที่ถูกลืมไปแล้ว โดยคอลูกหนังพึ่งจะคิดภาพใบหน้าของเขาออกก็จำต้องที่เจ้าตัวถือโทรฟี่อองรี เดอโลเน่ย์ เข้ามาในสนามเวมบลีย์

ก่อนเกมนัดหมายชิงจะประเดิมเมื่อวันอาทิตย์ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา ทุกๆคนที่ได้เห็นภาพดังกล่าวอาจบางครั้งก็อาจจะงงนิดๆว่าชายคนนั้นเป็นคนใดถึงได้ถือโทรฟี่แชมป์เข้ามาในสนามก่อนเกมสำคัญ

แต่ว่าสำหรับ เอแดร์เขามิได้ห่วงใยว่ามีคนใดกันจำเขาได้ไหม เพราะว่าการที่ได้ลงมาในสนามเฉพาะหน้าแฟนบอลกว่า 65,000 คนทำให้เขารู้สึกนึกถึงบรรยากาศการบรรลุผลขณะนั้น

งานนี้พวกเราได้โอกาสที่กำลังจะได้รื้อฟื้นเรื่องราวของเอแดร์ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นนับจากที่เขาสวมบทวีรบุรุษ สร้างประวัติศาสตร์ให้ โปรตุเกสผงาดคว้าแชมป์ยูโร ยุคแรก แต่ว่าชีวิตกลับไม่ได้รุ่งโรจน์เลยนับจากเวลากลางคืนที่ความจำเมื่อปี 2016

1 ปีก่อนที่ทัวร์นาเมนต์ดังที่กล่าวถึงมาแล้วจะประเดิม เอแดร์ย้ายจาก บราก้า ทีมดังในลีกบ้านเกิด ไปเล่นกับ สวอนซี ซิตี้ ซึ่งในช่วงเวลานั้นยังอยู่ระดับพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ด้วยค่าตัว 5 ล้านปอนด์ (ราว 220 ล้านบาท) ผลบอลสดภาษาไทย

ชีวิตพลิกผัน

ตัวสำรองกับซัดประตูโทนนำ โปรตุเกส ชนะ ฝรั่งเศส ในช่วงทดเวลา ครองแชมป์ยูโร2016 ไปถือครองอย่างมากใหญ่

ชีวิตพลิกผัน นับจากที่ย้ายมาเล่นกับ “หงส์ขาว” ในฤดูกาล 2015/2016 นักฟุตบอลล้มเหลวสำหรับในการทำประตูโดย 15 เกมแรกไม่สามารถที่จะจ่ายบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายได้เลย จนถึงท้ายที่สุดนักฟุตบอล

จำเป็นต้องโดนส่งไปเล่นแบบยืมตัวกับ ลีลล์ ในศึกลีก เอิง ฝรั่งเศส ตอนที่เหลืออยู่ของฤดูกาลนั้น เอแดร์ซัดไป 6 ประตูจากการเล่น 13 แมตช์นั่นทำให้เขาได้กรุยทางเข้าสู่ทีมชาติโปรตุเกส

โดยในขณะนั้นประเทศอุดมไปด้วยสตาร์อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ,นานี่, ซานเชซ รวมทั้งอีกหลายคน แน่นอนว่า โรนัลโด้ กับ นานี่ เป็นแกนหลักของโปรตุเกส ชุดนั้น โดยพวกเขายิงกันคนละ 3 ประตู

ทำให้ทีมปราบทั้งยัง โปแลนด์ แล้วก็เวลส์ ในรอบน็อกเอาต์ จะได้เข้าชิง กับ ฝรั่งเศส เจ้าของบ้าน ในแมตช์ตัดเชือกเอแดร์ ปฏิบัติภารกิจเป็นตัวสำรองทรหดอดทนก่อนที่จะถูกสลับตัวลงมาแทน ซานเชซ หนึ่งในแกนหลักของกลุ่ม

ซึ่งในเวลาถัดมานักฟุตบอลนับว่าบรรลุเป้าหมายในอาชีพระดับหนึ่งอย่างยิ่งจริงๆ ในช่วง 10 นาทีท้ายที่สุดของเวลาธรรมดา เหมือนสวรรค์ขีดเส้นให้เอแดร์ เป็นวีรบุรุษเพราะว่าเขาซัดประตูชัยเวลาที่เกมเหลือเพียง 11นาที

ในที่สุดของช่วงทดเวลา ส่งให้โปรตุเกส ผงาดครอบครองแชมป์ยูโรอย่างมากใหญ่บนแผ่นดินน้ำหอม ต่อไป ลีลล์ ก็ตกลงใจเซ็นสัญญากับเอแดร์ แบบถาวรข้างหลังจบศึกยูโร 2016 พร้อมด้วยความหวังว่าเขาจะทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม

ราวกับที่สร้างชื่อเอาไว้กับกองทัพถิ่นกำเนิด ท้ายที่สุดทุกๆสิ่งทุกๆอย่างไม่เป็นดั่งหวังเมื่อ เอแดร์ยิงไปเพียงแค่ 6 ประตูจาก 31 เกมในลีก เอิง เขาโดนส่งไปเล่นแบบยืมตัวกับ โลโกโมทีฟ มอสโก ยอดทีมแห่งศึกรัสเซียนพรีเมียร์ลีก

ก่อนที่จะย้ายถาวรในปีต่อมา แม้ว่าจะเป็นวีรบุรุษของชาติก็ตาม แต่ว่าเอแดร์ ไม่ได้ถูกเรียกตัวติดธงไปลุยศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย ซึ่งที่ดินดินแดนหมีขาวถือสถานที่ที่เขาลงสู่สนามค้าแข้งกับสังกัดเดิมเมื่อปีที่ล่วงเลยไป

เอแดร์อยู่กับ โลโกโมทีฟ มอสโก ตราบจนกระทั่งถึงตอนซัมเมอร์นี้ โดยที่เขาทำผลงานได้น่าผิดหวังมากๆเมื่อซัดยิงไม่ได้เลยกับการลงเล่น 9 แมตช์ในเกมลีกเมื่อฤดูกาลก่อนหน้านี้ แถมตลอดทาง 4 ฤดูกาลที่อยู่กับสังกัดเดิมนักฟุตบอลยิงได้เพียงแค่ 10 ประตู

จาการเล่นเกมลีก 72 แมตช์ ปัจจุบันนี้ เอแดร์โดนปล่อยตัวปล่อยใจทิ้งเป็นระเบียบเรียบร้อย และก็เขาก็ยังไม่มีชมรมไหนแสดงความพึงพอใจอยากได้ตัวไปร่วมทีม ทำให้สถานะในขณะนี้ของนักฟุตบอลเป็นผู้เล่นไม่มีขึ้นอยู่กับ ถึงแม้ว่าอายุเพียงแต่ 33 ปีแค่นั้น

ปัจจุบันนี้ เอแดร์ยังคงมีความจริงจังที่กำลังจะได้พิสูจน์ตนเองกับสโมสรในลีกยุโรป และก็การปรากฎตัวของเขาก่อนเกมนัดชิงระหว่างอังกฤษ เจออิตาลี เมื่อสุดสัปดาห์ก่อนหน้าที่ผ่านมา อาจทำให้บรรดาผู้ฝึกสอน

หรือกุนซือบางทีอาจจะแลเห็นค่า และก็ดึงเขาไปร่วมกองทัพก็ได้ ชีวิตของเอแดร์ เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์สำคัญว่าไม่มีอะไรแน่นอนในชีวิต คราวหนึ่งแผนภูมิชีวิตบางครั้งอาจจะพุ่งสูงลิบ แต่เพียงชั่วช้าข้ามคืนทั้งหมดทุกอย่างก็เหลือแค่ความฝันที่สวยงามก็ได้ !! เซฟวันที่ไว้